Teacher Jintana Suksom

Teacher Jintana Suksom

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556



Science Experience Management for Early Childhood


วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย 


เวลาเรียน 8.30 - 12.20 น



ครั้งที่ 16  23 September 2013

     - อาจารย์ให้เพื่อนที่เขียนแผนทำแกงจืด ที่แต่ละกลุ่มได้เลือกทำแกงจืดในสัปดาห์ที่แล้ว นำมาสอนให้กับเพื่อนๆในห้อง วิธีการทำแกงจืดดังนี้




ขั้นตอนการทำอาหาร  กลุ่ม แกงจืดแฟนตาซี


เพิ่มเติม

สารอาหารที่เด็กวัย 1-3 ปีควรได้รับ

        •     คาร์โบไฮเดรต : มีอยู่มากในข้าว แป้ง ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว หัวมันต่างๆ และน้ำตาล ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วคาร์โบไฮเดรตทุกๆ 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ หากเราใช้คาร์โบไฮเดรตไม่หมด ร่างกายก็จะสังเคราะห์เป็นไขมันเก็บไว้เป็นพลังงานสำรอง แต่ถ้ามากไปก็เหลือเกินสำรองกลายเป็นอ้วนได้
        • โปรตีน : แหล่งโปรตีนสำคัญๆ ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ ถั่ว ธัญพืช และนมสด เป็นต้น เป็นขุมพลังที่สร้างการเจริญเติบโตตั้งแต่กระดูก กล้ามเนื้อ ไปจนถึงเส้นผม คอยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ชำรุด ควบคุมการทำงานของปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย
        • ไขมัน : เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูงสุด จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เป็นที่ละลายวิตามิน เอ ดี อี และเค ทั้งนี้ ยังเป็นส่วนประกอบของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาท เนื้อเยื่อ และผนังเซลล์อีกด้วย สุดท้ายไขมันใต้ผิวหนังยังช่วยลดการกระทบกระเทือนของอวัยวะต่างๆ ด้วย
        • แร่ธาตุ : เนื้อเยื่อแต่ละชนิดต้องการแร่ธาตุต่างๆ กันไป เช่น กระดูกต้องการแคลเซียม เซลล์กล้ามเนื้อต้องการโพแทสเซียมและแมกนีเซียม เลือดต้องการเกลือโซเดียม เด็กๆ ที่วิ่งเล่นจนเหนื่อยอ่อน จะสูญเสียสังกะสีทางเหงื่อและปัสสาวะด้วยเช่นกัน สังกะสีมีมากใน อาหารทะเล ไข่ จมูกข้าวสาลี ส่วนแหล่งอาหารที่มีแร่ธาตุอื่นๆ สูงได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ผัก ถั่ว และผลไม้โดยเฉพาะกล้วย

ตารางมาตรฐานส่วนสูงหรือน้ำหนักของเด็กวัย 1-3 ปี


อายุเพศชายเพศหญิง
ปี เดือนน้ำหนัก (กก.) ส่วนสูง (ซม.) น้ำหนัก (กก.)ส่วนสูง (ซม.) 
108.3-11.071.5-79.77.7-10.568.8-78.9
2010.5-14.482.5-91.59.7-13.780.8-89.9
3012.1-17.289.4-100.811.5-16.588.1-99.2


เด็กเบืื่ออาหาร

สาเหตุที่เด็กเบื่ออาหารบางประเภทนั้นมันมีที่มา อาหาร 5 อันดับสาเหตุที่ลูกไม่กินนั้นได้แก่
        • ข้าว เด็กๆ นี่ขี้เบื่อกินข้าวอยู่ทุกวันๆ ลูกก็ไม่อยากจะกินเพราะเบื่อ
        • ไข่ ที่เด็กๆ ไม่กินก็เพราะก็กลิ่นคาวเหมือนปลานั่นแหละค่ะ โดยเฉพาะไข่ตุ๋นหรือไข่ต้ม
        • ผัก เพราะส่วนใหญ่ผักจะมีกลิ่นเหม็นเขียวเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งถ้าผักชนิดไหนที่มีเสี้ยนเยอะลูกก็จะปฏิเสธทันที

        • ปลา หากคุณแม่ไม่มีเทคนิคการปรุงที่ดี กลิ่นคาวของปลาจะติดจมูก ทำให้ลูกไม่ยอมกิน
        • เนื้อสัตว์ ส่วนใหญ่จะค่อนข้างเหนียวและเคี้ยวยาก ด้วยความที่ฟันของลูกยังไม่สามารถบดเคี้ยวได้ดีพอ ลูกเลยไม่อยากกิน ยิ่งถ้าคุณแม่ทำชิ้นใหญ่เกินความสามารถที่จะเคี้ยวได้ พอฟันกระทบกับเนื้อเหนียวๆ ลูกก็จะคายทันที

เทคนิคช่วยให้เด็กทานอาหาร

        • ตกแต่งเติมสีสัน - ดัดแปลงส่วนผสม หน้าตา และสีสันของอาหาร รวมถึงการตั้งชื่ออาหารให้ดึงดูดความสนใจจากลูก เช่น ข้าวไข่เจียวธรรมดา ใช้พิมพ์รูปต่างๆ กดให้เป็นรูปร่าง แล้ววางแต่งหน้าบนข้าวสวยแสนอร่อย รวมไปถึงการเพิ่มสีสัน โดยการเปลี่ยนสีข้าวด้วยผักที่มีสีสันแตกต่างกันไป เช่น ข้าวสีเหลืองทองจากฟักทอง ข้าวสีเขียวก็ใช้ใบเตยสดคั้นน้ำ หรือข้าวสีส้มจากแครอต หรือคุณแม่อาจใช้วิธีการใส่ผักที่หั่นเป็นรูปร่างต่างๆ ต้มสุกแล้วหุงรวมลงไปในหม้อ เพื่อเพิ่มคุณค่าสารอาหารและสีสัน หน้าตาอาหารให้น่ากินมากขึ้น

        • ดัดแปลงเมนู - ลองพลิกตำราอาหารต่างชาติดูบ้างสิว่า พอจะเอามาดัดแปลงใช้กับเมนูไทยๆ ได้บ้างไหม เช่น ม้วนอาหารที่เป็นแผ่นด้วยการจัดเรียงวัตถุดิบเป็นชั้นๆ แล้วหั่นชิ้นพอคำ ก็จะได้อาหารที่มีลักษณะคล้ายข้าวปั้นญี่ปุ่น หรือใช้วิธีการดัดแปลงอาหารที่เด็กๆ กินได้ให้คล้ายกับอาหารจานโปรดของผู้ใหญ่ เช่น ยำ ส้มตำ ต้มยำ ฯลฯ เพราะบางครั้งการที่ลูกๆ เห็นผู้ใหญ่กินอาหารต่างๆ แล้วอยากกินบ้าง
        • ปรุงให้ถูกปาก - การเติมเทคนิคก่อนที่อาหารจะสุกและการปรุงอาหารให้สุก เพื่อกลบกลิ่นหรือเลี่ยงไม่ให้ลูกเผชิญหน้ากับอาหารที่ไม่กินโดยตรง อย่างเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ลูกไม่ชอบกินเพราะรสชาติและกลิ่นของอาหาร คุณแม่ก็อาจต้องปรับจากที่หั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปต้ม ทอด ปิ้ง หรือย่าง มาเป็นสับแล้วผสมใส่ไปในอาหารอื่นๆ เช่น ผสมเนื้อหมูใส่กับผักที่มีเนื้อเนียนไม่มีเสี้ยน หมูสับผสมมันบดและฟักทองปรุงรส แล้วปั้นหรือกดด้วยพิมพ์ คลุกแป้งสาลี ไข่และเกร็ดขนมปัง ก่อนจะทอดให้เหลืองกรอบกินคู่กับซอส

    • เมนูอาหารแนะนำสำหรับเด็กวัย 1-3 ปี
      1. ฟักตุ๋นปลา

    • เครื่องปรุง
          • ฟักอ่อนสับละเอียด 1/4 ถ้วย
          • น้ำซุป 1 1/2 ถ้วย
          • ปลาน้ำจืดเลือกก้างน้อยๆ
          • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา

      วิธีปรุง

          • ต้มเนื้อปลากับน้ำซุปจนสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ยกลง
          • ตักใส่ถ้วย ใส่ฟักสับ ลงนึ่งในลังถึงประมาณ 10 นาที หรือฟักสุกนิ่มแล้ว กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยดี

      2. ปลาจาระเม็ดผัดเมล็ดมะม่วง

    • เครื่องปรุง
          • ปลาจาระเม็ด 1 ตัว
          • แครอตหั่นชิ้นลวกสุก 1/4 ถ้วย
          • ข้าวโพดอ่อนผ่าครึ่งหั่นท่อน 1/4 ถ้วย
          • ต้นหอมหั่นท่อน 1/4 ถ้วย
          • เห็ดหอมแช่น้ำ 2 ดอก
          • พริกชี้ฟ้าแห้งหั่น 2 เมล็ด
          • เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 1/4 ถ้วย
          • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

      วิธีทำ

          • ล้างปลาแล้วแล่เอาแต่เนื้อปลา หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ ลงทอดจนสุกเหลือง
          • หั่นเห็ดหอมเป็นชิ้นแล้วนำลงทอด ตักขึ้น ทอดพริกแห้งต่อแล้วตักขึ้น
          • ใส่น้ำพริกเผาในกระทะ ใส่น้ำมันเพิ่มอีก 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำปลา ซีอิ๊วขาว เห็ดหอม พริกชี้ฟ้าทอด แครอท ข้าวโพดอ่อน ผัดให้เข้ากัน
          • ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์และต้นหอม ลงผัดให้เข้ากันแล้วตักใส่จานเป็นอันเสร็จ

      3. ปลาแซลมอนทอดซอสบาร์บีคิว

      เครื่องปรุง
          • ปลาแซลมอน 170 กรัม
          • มันฝรั่งหั่นยาว 100 กรัม
          • แครอตหั่นเส้น 100 กรัม
          • น้ำมันมะกอก 100 กรัม
          • เนย 2 ช้อนโต๊ะ
          • มะเขือเทศบด 1 ช้อนโต๊ะ
          • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
          • หอมสับ 1 ช้อนชา
          • น้ำส้มแดง 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

      วิธีทำ

          • ตั้งกระทะพอร้อน ใส่น้ำมันมะกอก
          • นำปลาแซลมอนมาโรยด้วยเกลือ พริกไทย แล้วนำลงทอดในน้ำมันมะกอก
          • ทอดปลาให้มีสีสวย แล้วนำเข้าเตาอบ ซึ่งจะทำให้เนื้อปลานุ่มอร่อยขึ้น อบจนสุกแล้วพักไว้
      วิธีทำซอส
          • ตั้งกระทะ ใส่เนย กระเทียมสับ ผัดจนหอมเหลือง
          • ใส่หอมสับ มะเขือเทศ ผัดคลุกให้เข้ากัน
          • ใส่น้ำส้มแดง เคี่ยวให้หอม เติมน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวต่อจนเข้ากันดี แล้วจึงนำมาราดบนปลาที่เตรียมไว้

      4. ข้าวหมูซีอิ๊ว

      เครื่องปรุง
          • หมูสไลด์ 1 ชิ้น/ 1 ที่
          • ซีอิ๊ว แป้งข้าวโพด และน้ำมันหอย
          • ข้าวสวย 1 ½ ทัพพี
          • แครอทหั่นยาวลวก 2 ช้อนโต๊ะ
          • บร็อคโคลีลวก 4-5 ดอก

      วิธีทำ

          • สไลด์เนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ ขนาดค่อนข้างใหญ่ ทุบด้วยที่ทุบเนื้อเพื่อให้เครื่องหมัก (ซีอิ๊ว แป้งข้าวโพด และน้ำมันหอย) ซึมเข้าเนื้อได้ดีขึ้นและทำให้สุก
          • ตั้งกระทะเติมน้ำมันเล็กน้อย นำหมูลงไปผัดจนสุก ตักวางบนข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟคู่กับผักที่เตรียมไว้

      5. ปั้นก้อนกรอบนุ่ม

      เครื่องปรุง
          • มันฝรั่งต้มสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง
          • เนื้อสัตว์ต่างๆ ต้มสุกหั่นละเอียด 1 ถ้วยตวง
          • ไข่ไก่ 1 ฟอง
          • หอมหัวใหญ่สับหยาบ 1 หัว
          • แป้งสาลี 1/2-1 ถ้วยตวง
          • เนยสดชนิดจืด 2 ก้อนเล็ก (20กรัม)
          • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
          • เกล็ดขนมปังหรือขนมปังป่น(สำหรับคลุก)

      วิธีทำ

          • ผัดส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นมันฝรั่ง แป้งสาลี ไข่ไก่ และเกล็ดขนมปังให้สุก และปรุงรส
          • นวดส่วนผสมที่ผัดสุกแล้วกับมันฝรั่งให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ ขนาดพอคำ
          • คลุกปั้นก้อนที่ได้กับแป้งสาลี ไข่ไก่ (ที่ตีทั้งฟองให้เข้ากัน) และตามด้วยคลุกเกล็ดขนมปัง
          • ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน เอาปั้นก้อนลงทอดจนสุก ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน และเสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศรวมรส

      6. รวมพลผลไม้ลอยแก้ว
      เครื่องปรุง
          • กล้วยไข่หั่นชิ้นเล็ก
          • องุ่นปอกเปลือกและแกะเม็ดผ่าครึ่ง
          • ชมพู่หั่นชิ้นเล็ก
          • มะละกอสุกหั่นชิ้นเล็ก
          • น้ำเชื่อม เกลือ น้ำมะนาว

      วิธีทำ

          • นำผลไม้ทุกอย่างใส่ชาม ตักน้ำเชื่อมราดผลไม้พอให้ได้รสหวาน
          • เติมเกลือและน้ำมะนาวเล็กน้อย หากยังไม่รับประทานทันทีให้ใส่ชามปิดฝาไว้แล้วนำไปแช่ตู้เย็น

      7. ไข่นกกระทาทอดกรอบ

      เครื่องปรุง
          • ไข่นกกระทา
          • แป้งข้าวโพด
          • ข้าวโพด
          • ผักโขมสับละเอียด
          • ไข่ไก่
          • เนื้อไก่สับ
          • งาดำ
          • น้ำมัน

      วิธีทำ

          • นำไข่นกกะทาไปชุบไข่ทอดพอเหลืองพักไว้
          • นำไข่ไก่ที่เหลือมีตีรวมกับผักโขม เนื้อไก่สับ ข้าวโพด และใส่แป้งไปพอประมาณ
          • นำลงทอดในน้ำมัน ก็ได้ไข่เจียวหอมสีสันน่ากิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น